1Alxegore

The Way to Success

Featured Posts

วันอาทิตย์ที่ 31 มกราคม พ.ศ. 2559

FAQ ตอบคำถามเกี่ยวกับทฤษฎีพหุปัญญา 9 ด้าน

พหุปัญญา 9 ด้าน

FAQ ตอบคำถามเกี่ยวกับทฤษฎีพหุปัญญา 9 ด้าน
FAQ ตอบคำถามเกี่ยวกับทฤษฎีพหุปัญญา 9 ด้าน


อัจฉริยภาพทั้ง 9 ด้านประกอบด้วยอะไรบ้าง

อัจฉริยภาพทั้ง 9 ด้านประกอบด้วย
8)อัจฉริยภาพด้านดนตรีและจังหวะ (Musical Intelligence)
9)อัจฉริยภาพด้านการมองเห็นตัวเรา (Existential Intelligence)

คนเราสามารถมีอัจฉริยภาพหลายด้านได้หรือไม่?

ได้ครับ มนุษย์เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีศักยภาพในการเรียนรู้และพัฒนาสูงที่สุด พวกเราสามารถมีอัจฉริภาพได้หลายประการเช่น คุณอาจชอบและเก่งคณิตศาสตร์ (อัจฉริยภาพด้านตรรกะและคณิตศาสตร์) และชอบมีความสามารถในการเล่นกีต้าร์ไปพร้อมกันได้ (อัจฉริยภาพด้านดนตรีและจังหวะ) ซึ่งเป็นไปได้ที่จะมีอัจฉริยภาพทั้ง 9 ด้านในคนเดียวกัน

อัจฉริยภาพในทฤษฎีพหุปัญญาเป็นพรสวรรค์หรือการฝึกฝน?

เป็นได้ทั้งสองแบบ บางคนอาจเกิดมามีหูทิพย์สามารถแยกตัวโน้ตในเสียงเพลงได้ นับว่ามีพรสวรรค์ในเรื่อง อัจฉริยภาพด้านดนตรีและจังหวะ แต่อีกคนหนึ่งอาจมาชอบดนตรีในภายหลังและทำการฝึกซ้อมเปียโนอย่างหนัก อย่างนี้นับว่าเป็นอัจฉริยภาพจากการฝึกฝนตามทฤษฎีพหุปัญญา

สามารถนำทฤษฎีพหุปัญญาไปประยุกต์ใช้ได้อย่างไร?

ทฤษฎีพหุปัญญาสามารถประยุกต์ใช้ได้หลายแบบ คุณอาจเริ่มต้นโดยการค้นหาว่าตัวเองมีอัจฉริยภาพด้านไหนอย่างเห็นได้ชัด และลงมือพัฒนาอัจฉริยภาพด้านนั้นจนเป็นผู้เชี่ยวชาญจนสามารถนำไปประกอบอาชีพได้

อัจฉริยภาพด้านไหนดีที่สุดในทฤษฎีพหุปัญญา?

ตามทฤษฎีพหุปัญญาแล้ว เราไม่สามารถเปรียบเทียบได้ว่าอัจฉริยภาพด้านไหนดีกว่ากัน เพราะอัจฉริยภาพแต่ละประเภทก็มีจุดเด่น จุดด้อย และโอกาสที่แตกต่างกันออกไป คุณคิดว่าลีโอเนล เมสซี่ หรือโมสาร์ทเก่งกว่ากันล่ะครับ

สำรวจตัวเองแล้ว ไม่มีอัจฉริยภาพด้านไหนเลย ทำยังไงดี?

คุณอย่ามองตัวเองในแง่ลบสิครับ แต่ละคนย่อมมีจุดเด่นของตัวเองแตกต่างกันออกไป บางทีคุณอาจสอบถามจากคนรอบตัวก็ได้ จากประสบการณ์แล้วพวกเขาย่อมเห็นจุดแข็งบางอย่างของคุณที่คุณนึกไม่ถึง

เป็นไปได้ไหมที่โลกนี้จะมีอัจฉริยภาพมากกว่า 9 ด้านตามที่ทฤษฎีพหุปัญญาบอกไว้?

เป็นไปได้แน่นอนครับ เพราะวิทยาศาสตร์มีการพัฒนาอยู่เสมอ ปัจจุบันมีนักวิจัยด้านสมองกำลังศึกษาความเป็นไปได้ที่จะมีอัจฉริยภาพด้านที่ 10 หรือ 11 ซึ่งคุณอาจเป็นอัจฉริยะบุคคลของโลกในด้านนี้ก็ได้!

วันเสาร์ที่ 1 สิงหาคม พ.ศ. 2558

บทเรียนด้านการบริหารเวลาจาก Google

บทเรียนด้านการบริหารเวลาจาก Google
บทเรียนด้านการบริหารเวลาจาก Google

เมื่อวานมีเหตุการณ์สำคัญเกิดขึ้นที่ตลาดหุ้นของสหรัฐ คือราคาหุ้นของบริษัท Google ปรับตัวขึ้น 16.05% จาก $579.85 เป็น $672.93
นั่นคือบริษัทมีมูลค่าเพิ่มขึ้นถึง 2.2 ล้านล้านบาทภายในวันเดียว !!!
สาเหตุหลักนั้นไม่ได้มาจากการที่ผลประกอบการไตรมาส 2 ออกมาดี แต่มาจากการที่
Ruth Porat ประธานเจ้าหน้าที่การเงิน (CFO) คนใหม่ของบริษัทประกาศว่า Google จะลดการผลาญเงินไปกับโครงการยิบย่อยของบริษัทจำพวก Self-driving car, Drone delivery projects และ Google Glass ซึ่งสูบผลกำไรของบริษัทเป็นจำนวนมหาศาล
และ Google จะมุ่งเน้นไปกับการพัฒนาธุรกิจหลักนั่นคือ ธุรกิจ Search engine และ Advertising ซึ่งเป็นรายได้หลักของบริษัทมากขึ้น นักลงทุนจึงให้มูลค่าของบริษัทสูงขึ้นมาก จากแผนธุรกิจใหม่นี้
ในอดีตก็เคยมีเหตุการณ์ทำนองนี้มาก่อนกับบริษัท Coca-cola ในปี 1981
เมื่อ Roberto Goizueta เข้ามารับตำแหน่ง CEO คนใหม่ของบริษัท เขาได้ทำการขายธุรกิจยิบย่อยของบริษัทจำพวก ธุรกิจภาพยนตร์ ธุรกิจฟาร์มกุ้ง และ ธุรกิจกาแฟ ที่สร้างผลขาดทุนให้กับบริษัท แล้วมามุ่งพัฒนาเครื่องดื่ม Coke จนติดตลาด ทำให้ราคาหุ้นเพิ่มจาก $0.7 เป็น $30 ภายในเวลา 17 ปีที่เขาดำรงตำแหน่งผู้บริหารสูงสุด Coca-cola
เมื่อลองเปรียบเทียบดู
จาก "บริษัท" เป็น "ชีวิต" ของเรา
จาก "เงินลงทุน" เป็น "เวลา" ที่ใช้ในแต่ละวัน
เรากำลังเสียเวลาไปกับสิ่งยิบย่อยที่ฉุดรั้งอนาคตของเราอยู่หรือเปล่า
มีเป้าหมายอยากเป็นวิศวะ แต่กลับเอาเวลามาศึกษาโครงสร้างของ Protist
มีเป้าหมายอยากสอบติดมหาวิทยาลัยเพื่อให้ได้งานดีๆทำ แต่กลับเอาเวลามาทิ้งกับการเล่น Social Media ดูละครน้ำเน่า
ลองลดเวลาที่ใช้ไปกับกิจกรรมเหล่านั้น แล้วมามุ่งกับการพัฒนาแก่นของเรา ศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมเกี่ยวกับสิ่งที่เราชอบ "อนาคตของเราจะเปลี่ยนไป"
แหล่งอ้างอิง
หุ้น Google
>> เพจ Stock2morrow
>> บทความ Google Inc Wisely Tightens Its Belt จาก http://www.fool.com/
หุ้น Coca-cola
>> หนังสือ The Winning Investment Habits of Warren Buffett & George Soros
รูปภาพ
>> http://www.artificialbrains.com/google

วันอังคารที่ 17 มิถุนายน พ.ศ. 2557

ทฤษฎีพหุปัญญา (Multiple Intelligences) : อัจฉริยภาพด้านดนตรีและจังหวะ (Musical Intelligence)

อัจฉริยภาพด้านดนตรีและจังหวะ (Musical Intelligence)

ทฤษฎีพหุปัญญา อัจฉริยภาพด้านดนตรีและจังหวะ (Musical Intelligence)
ทฤษฎีพหุปัญญา อัจฉริยภาพด้านดนตรีและจังหวะ (Musical Intelligence)

ดนตรีได้ขึ้นชื่อว่าเป็นส่วนหนึ่งของจิตวิญญาณเรา ผมเชื่อว่าทุกคนคงเคยมี "ดนตรีและเสียงเพลง" เป็นเพื่อนยามเหงา ยามสุข และยามทุกข์ แต่ละคนอาจชอบดนตรีคนละแนวกันเช่น Classic Rock Jazz และ Pop บางคนอาจชอบเสียงจากเครื่องดนตรีแต่ละชนิดเป็นพิเศษเช่น กีต้าร์ เบส และกลอง ซึ่งดนตรีได้ถือว่าเป็นความสุขอย่างหนึ่งของชีวิตที่สามารถแสวงหามาได้โดยง่าย นอกจากการฟังเพื่อความสบายใจ และความสนุกสนานแล้วดนตรียังมีประโยชน์ในด้านอื่นๆอีกมากมาย เช่นเพลงบรรเลงของ Mozart สามารถนำไปใช้เพื่อพัฒนาความจำและการเรียนรู้ได้ บางคนอาจเคยร้องเพลง และเล่นดนตรีมาบ้าง แล้วอาจประสบความสำเร็จ เล่นได้ไพเราะ หรืออาจไม่ชอบที่ตนเองเล่นได้ไม่ดี แต่ขอให้รู้ว่าอัจฉริยภาพทุกด้านรวมถึง ด้านดนตรีและจังหวะ สามารถพัฒนาได้จากการฝึกซ้อมอย่างสม่ำเสมอ

บุคคลที่มีอัจฉริยภาพด้านดนตรีและจังหวะ จะเป็น คนที่รักในเสียงดนตรี ชอบฟังเพลงชนิดต่างๆ ชอบเสียงของเครื่องดนตรีต่างๆ สามารถแยกโน้ตและจังหวะของแต่ละเสียงที่ได้ยินได้ สามารถร้องเพลงหรือเล่นเครื่องดนตรีชนิดต่างๆ ได้ไพเราะ สามารถแกะโน้ตเพลงเองได้ สามารถแต่งทำนองและเนื้อร้องของเพลงได้

หลักการในการพัฒนาอัจฉริยภาพด้านดนตรีและจังหวะ ได้แก่ สามารถรับรู้ถึงอารมณ์และความรู้สึกที่ส่งผ่านตัวโน้ตและท่วงทำนองได้, ร้องเพลงเล่นดนตรีได้ไพเราะ วิธีการพัฒนาอัจฉริยภาพ ด้านนี้ได้แก่
>> เคาะเท้า เคาะโต๊ะหรือเก้าอี้เป็นจังหวะต่างๆ อาจเป็นจังหวะกลองที่เคยได้ยินขณะสันทนาการก็ได้
>> ฟังเพลงบ่อยๆ ทำให้เราสามารถร้องเพลงหรือเล่นดนตรีได้จังหวะ และไพเราะมากขึ้น
>> ลองเปลี่ยนแนวเพลงที่ฟังบ้าง การเปลี่ยนแนวเพลงที่ฟังจะทำให้สามารถรู้จังหวะของเพลงได้หลากหลาย รู้จักบทเพลงต่างๆมากขึ้น ไวต่อการรับรู้เสียงมากขึ้น
>> ฝึกร้องเพลงโดยอาจคลอเพลงตามที่ฟังหรือร้องในคาราโอเกะกับเพื่อนๆก็ได้
>> ฝึกเล่นเครื่องดนตรีที่ชอบ โดยเลือกมา 1 ชนิดตามความสนใจ อาจเรียนรู้จากคอร์สเรียน หรือคลิปวิดีโอก็ได้


บุคคลที่มีชื่อเสียงในด้านดนตรีและจังหวะ ได้แก่ วอล์ฟกัง อามาเดอุส โมซาร์ท (Wolfgang Amadeus) นักประพันธ์ดนตรีคลาสสิกชาวออสเตรียที่ทุกคนคงรู้จัก และเคยได้รับฟังบทเพลงของเขามาแล้ว โมซาร์ทได้ประพันธ์บทเพลงเป็นจำนวนมากโดยมีบทเพลงโอเปร่าอีกด้วย

อาชีพที่เหมาะสมกับคนที่มีอัจฉริยภาพด้านดนตรีและจังหวะ ได้แก่ นักร้อง นักดนตรี นักเต้น นักประพันธ์เพลง วาทยากร ครูสอนดนตรี ครูสอนร้องเพลง ฯลฯ

Special Thank แนวคิด: หนังสืออัจฉริยะสร้างได้ ของ หนูดี วนิษา เรซ

วันจันทร์ที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2556

ทฤษฎีพหุปัญญา (Multiple Intelligences) : อัจฉริยภาพด้านการเข้าใจธรรมชาติ (Naturalist Intelligence)

อัจฉริยภาพด้านการเข้าใจธรรมชาติ (Naturalist Intelligence)


ทฤษฎีพหุปัญญา อัจฉริยภาพด้านการเข้าใจธรรมชาติ (Naturalist Intelligence)
ทฤษฎีพหุปัญญา อัจฉริยภาพด้านการเข้าใจธรรมชาติ (Naturalist Intelligence)

คนส่วนใหญ่มักคิดว่าอัจฉริยภาพด้านนี้ไม่สำคัญกับชีวิตเรา มีหรือไม่มีก็ไม่เห็นจะต่างกัน แต่ในความเป็นจริงแล้ว มนุษย์ในยุคปัจจุบันอาศัยอยู่ในสังคมที่ถูกปลูกฝังให้มีมุมมองอันแสนแคบ มองไม่เห็นการเชื่อมโยงของธรรมชาติ ที่มาของสิ่งต่างๆรอบตัวเรา ในยุคอดีตอัจฉริยภาพด้านการเข้าใจธรรมชาติเป็นอัจฉริยภาพที่มีความสำคัญสูงสุดในการดำรงชีวิต เนื่องจากสมัยก่อนมนุษย์ใช้ชีวิตอยู่อย่างอยากลำบาก ต้องคอยระวังสัตว์ร้ายต่างๆ ถ้าเผลอหรือประมาทอาจเสียชีวิตได้ในทันที อาหารที่พวกเขากินก็หามาจากธรรมชาติซึ่งอาจมีพิษก็ได้ มนุษย์ยุคก่อนจึงจำเป็นต้องมีอัจฉริยภาพด้านนี้ ต้องเข้าใจธรรมชาติ เข้าใจสรรพสิ่งรอบตัว การดำรงชีวิตของสัตว์ต่างๆ ฯลฯ ต่างกับในยุคปัจจุบันที่คนส่วนใหญ่ไม่สนใจอัจฉริยภาพด้านการเข้าใจธรรมชาติ สติปัญญาด้านนี้ถูกลดทอนลงไป ทั้งๆที่อัจฉริยภาพด้านนี้ถูกส่งต่อผ่านสายเลือด เข้าสู่มนุษย์เราทุกคนเพราะสมองให้ความสำคัญกับการเอาชีวิตรอดเป็นอันดับแรก เมื่อเราหยุดงานแล้วได้ไปเที่ยวสถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติเช่นป่า,น้ำตกหรือทะเล เรากลับชอบสิ่งเหล่านี้เป็นอย่างมาก เพราะสมองเราถูกสร้างมาให้ชอบสิ่งเหล่านี้แล้วเก็บไว้ในจิตใต้สำนึกของเรานั่นเอง

บุคคลที่มีอัจฉริยภาพด้านการเข้าใจธรรมชาติ จะเป็นผู้ที่สามารถดำรงชีวิตอยู่ร่วมกับธรรมชาติได้เป็นอย่างดี เข้าใจถึงความเชื่อมโยงของสรรพสิ่ง รู้จักธรรมชาติของสิ่งต่างๆ รู้วิถีการดำรงชีวิตของสัตว์ รู้จักพืชพรรณต่างๆ สามารถเอาชีวิตรอดได้เป็นอย่างดีในสถานการณ์ต่างๆ ชอบแหล่งท่องเที่ยวตามธรรมชาติ คาดเดาภูมิอากาศได้

หลักการในการพัฒนาอัจฉริยภาพด้านการเข้าใจธรรมชาติ ได้แก่มีความเข้าใจคุณค่าและการเปลี่ยนแปลงของสิ่งต่างๆในธรรมชาติหรือปรากฎการณ์ธรรมชาติ แบะ สามารถนำทรัพยากรในธรรมชาติมาใช้ให้ก่อเกิดประโยชน์ได้อย่างมีคุณค่าวิธีการพัฒนาอัจฉริยภาพ ด้านนี้ได้แก่
>>ลองจิบชาอุ่นๆรสชาติที่ชอบ ค่อยๆจิบเพื่อให้รับรู้ถึงอุณหภูมิ รสชาติ กลิ่น จินตนาการถึงใบชาบนยอดเขา จินตนาการถึง การเจริญเติบโตของชาโดยอาศัยดิน น้ำและแสงแดด การดูแลเอาใจใส่จากชาวไร่ ดื่มเอาความยิ่งใหญ่ของธรรมชาติไม่ใช่รสชาติของวัตถุดิบ
>>ลองปลูกดอกไม้หรือต้นไม้ชนิดต่างๆ รดน้ำ พรวนดิน เอาใจใส่ให้ต้นไม้เติบโต
>>เดินบนทรายหรือหญ้าโดยไม่ใส่รองเท้า สัมผัสกับน้ำค้างยามเช้าบนยอดหญ้า ช่วยให้เข้าถึงธรรมชาติ
>>นำวัสดุ อุปกรณ์จากธรรมชาติมาใช้ประดิษฐ์อุปกรณ์เครื่องใช้ต่างๆ นำมาใช้ในชีวิตประจำวัน
>>ใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติเช่นครีมอาบน้ำสมุนไพร


บุคคลที่มีชื่อเสียงในด้านการเข้าใจธรรมชาติ ได้แก่ ชาลส์ ดาร์วิน(Charles Darwin) นักธรรมชาติวิทยาชาวอังกฤษ เจ้าของทฤษฎีวิวัฒนาการและการคัดเลือกโดยธรรมชาติ ซึ่งเป็นผลงานที่มีชื่อเสียงที่หักล้างกับความเชื่อเก่าๆ ทฤษฎีของเขาทำให้โลกก้านหน้าเป็นอย่างมาก


อาชีพที่เหมาะสมกับคนที่มีอัจฉริยภาพด้านการเข้าใจธรรมชาติได้แก่  นักอนุรักษ์และนักธรรมชาติวิทยา

Special Thank แนวคิด: หนังสืออัจฉริยะสร้างได้ ของ หนูดี วนิษา เรซ


วันอังคารที่ 27 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ทฤษฎีพหุปัญญา (Multiple Intelligences) : อัจฉริยภาพด้านมนุษยสัมพันธ์และการเข้าใจผู้อื่น (Interpersonal Intelligence)

อัจฉริยภาพด้านมนุษยสัมพันธ์และการเข้าใจผู้อื่น (Interpersonal Intelligence)

ทฤษฎีพหุปัญญา อัจฉริยภาพด้านมนุษยสัมพันธ์และการเข้าใจผู้อื่น (Interpersonal Intelligence)
ทฤษฎีพหุปัญญา อัจฉริยภาพด้านมนุษยสัมพันธ์และการเข้าใจผู้อื่น (Interpersonal Intelligence) 

อัจฉริยภาพด้านนี้เกี่ยวข้องการดำรงชีวิตร่วมกับผู้อื่นในสังคม อาจจะเป็นบิดา มารดา ญาติพี่น้อง เพื่อน เจ้านาย ลูกน้อง หรือคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อนเลยก็ได้ อัจฉริยภาพด้านมนุษยสัมพันธ์และการเข้าใจผู้อื่นมีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับบุคคลที่ต้องการจะประสบความสำเร็จในชีวิตเนื่องจากมันเป็นตัวแปรสำคัญที่สามารถกำหนดอนาคตของเราได้ ถ้าเรามีอัจฉริยภาพด้านนี้สูงเราก็จะมีหน้าที่การงานที่ดี เจริญก้าวหน้าได้ตำแหน่งสูงๆ มีชีวิตคู่อย่างมีความสุข ในทางกลับกัน หากเรามีอัจฉริยภาพด้านนี้ต่ำเราก็จะล้มเหลวในหน้าที่การงาน เจ้านายไม่พอใจจนอาจถูกไล่ออกได้ หากแต่งงานก็ไม่มีสามารถปรับตัวเข้าหากันได้จนต้องหย่าร้าง ความสุขส่วนใหญ่ของมนุษย์แปรผันตามอัจฉริยภาพด้านนี้ พวกเราจึงควรพัฒนาอัจฉริยภาพด้านนี้เพื่อความสำเร็จและความสุขของชีวิต

บุคคลที่มีอัจฉริยภาพด้านมนุษยสัมพันธ์และการเข้าใจผู้อื่น จะเป็นคนที่มีเพื่อนฝูงเป็นจำนวนมากและหลายกลุ่ม สามารถโน้มน้าวใจคนอื่นได้ดี เข้าใจอารมณ์และความรู้สึกของคนรอบข้าง เพราะพวกเขามีทักษะในการ "ฟัง" ที่ดี การฟังของบุคคลเหล่านี้ ไม่ได้เป็นการฟังเพื่อหาคำตอบ ไม่ได้เป็นการฟังเพื่อตอบโต้ ไม่ได้เป็นการฟังเพื่อความสนุกสนาน แต่เป็นการฟังเพื่อให้เข้าใจถึงอารมณ์ของผู้พูด ข้อมูลที่ต้องการจะสื่อ ความรู้สึกที่พูดสิ่งเหล่านั้น ซึ่งการฟังแบบนี้จะทำให้พวกเขาเข้าใจผู้อื่น มีมนุษยสัมพันธ์ที่ดีและสามารถโน้มน้าวใจผู้อื่นให้เป็นไปตามที่ตนต้องการได้ เพราะคนที่มีอัจฉริยภาพด้านมนุษยสัมพันธ์และการเข้าใจผู้อื่นจะรู้ว่าคนอื่นต้องการอะไร ชอบอะไรและไม่ชอบอะไรนั่นเอง

หลักการในการพัฒนาอัจฉริยภาพด้านมนุษยสัมพันธ์และการเข้าใจผู้อื่น ประกอบด้วย สามารถรับรู้ถึงอารมณ์ ความรู้สึกและความต้องการของผู้อื่นได้, แก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างบุคคลได้โดยจบลงแบบได้ประโยชน์ทั้ง 2 ฝ่ายและ สามาถสร้างและรักษาไว้ซึ่งมิตรภาพระหว่างเพื่อนได้ วิธีการพัฒนาอัจฉริยภาพ ด้านนี้ได้แก่
>>เริ่มต้นการสนทนากับบุคคลแปลกหน้า อาจจะเป็นคนที่รอซื้ออาหารด้วยกัน คนที่นั่งที่นั่งติดกันบนเครื่องบินก็ได้
>>ฝึกฝนการฟังแบบ เข้าใจถึงอารมณ์ ความรู้สึกและความต้องการของผู้พูด
>>เรียนรู้อารมณ์และความรู้สึกของบุคคลอื่นๆจากสีหน้าท่าทางของเขา
>>นั่งลงมองการใช้ชีวิตของเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน จะช่วยเปิดมุมมองใหม่ๆให้เราและทำให้เราเข้าใจผู้อื่นมากขึ้นด้วย
>>เรียนรู้หลักการพูดโน้มน้าวใจคน ให้ได้เป้าหมายที่เราต้องการโดยทั้ง 2 ฝ่ายได้ประโยชน์

บุคคลที่มีชื่อเสียงในด้านมนุษยสัมพันธ์และการเข้าใจผู้อื่น ได้แก่ จอห์น เอฟ. เคเนดี้ (John F. Kennedy) ประธานาธิบดีคนที่ 35 ของสหรัฐอเมริกา เป็นผู้ที่มีผลงานโดดเด่นในการบริหารประเทศแม้จะมีการตัดสินใจที่ผิดพลาดบ้างก็ตาม มีผู้กล่าวว่าการสนทนากับจอห์น เอฟ. เคเนดี้ จะรู้สึกเหมือนว่าเราสำคัญที่สุดสำหรับเขาและรู้สึกว่าสิ่งที่เราพูดสำคัญกับชีวิตของเขามาก ซึ่งเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เขาได้เป็นประธานาธิบดีของสหรัฐอเมริกา, มหาตมะ คานธี (Mahatma Gandhi) เป็นผู้นำการชุมนุมด้วยสันติภาพที่มีชื่อเสียงโด่งดังและมีผู้นำไปเป็นแนวทางปฏิบัติจำนวนมาก เมื่อทหารอังกฤษได้สังหารผู้คนที่มาร่วมชุมนุม คานธีกลับไม่ให้ผู้ชุมนุมตอบโต้ ซึ่งในภายหลังอินเดียได้รับอิสรภาพคืนจากอังกฤษ

อาชีพที่เหมาะสมกับคนที่มีอัจฉริยภาพด้านมนุษยสัมพันธ์และการเข้าใจผู้อื่นได้แก่ นักการเมือง ผู้บริหาร นักจิตวิทยานักสังคมสงเคราะห์ เซลล์ขายของ ครู ฯลฯ

Special Thank แนวคิด: หนังสืออัจฉริยะสร้างได้ ของ หนูดี วนิษา เรซ

วันจันทร์ที่ 26 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ทฤษฎีพหุปัญญา (Multiple Intelligences) : อัจฉริยภาพด้านการเข้าใจตนเอง (Intrapersonal Intelligence)

อัจฉริยภาพด้านการเข้าใจตนเอง (Intrapersonal Intelligence)

ทฤษฎีพหุปัญญา อัจฉริยภาพด้านการเข้าใจตนเอง (Intrapersonal Intelligence)
ทฤษฎีพหุปัญญา อัจฉริยภาพด้านการเข้าใจตนเอง (Intrapersonal Intelligence)

อัจฉริยภาพด้านนี้ เกี่ยวข้องกับการทำความรู้จักตัวตนของเรานั่นเอง (เป้าหมายของชีวิตเราคืออะไร ข้อดี ข้อเสียของเราคืออะไร เราควรพัฒนาตัวเองอย่างไร ฯลฯ) การทำความเข้าใจในตนเองนับว่าเป็นสิ่งที่สำคัญมาก หากเรามีอัจฉริยภาพในด้านอื่นๆอย่างเหลือล้น พูดได้ 30 ภาษา, เล่นกีฬาเก่ง, ผลการเรียนเป็นเลิศ แต่ขาดอัจฉริยภาพด้านการเข้าใจตนเองก็ไม่ประสบความสำเร็จในการดำรงชีวิต จะมีชีวิตที่ล้มเหลว ไม่มีความสุขในการดำรงชีวิต ใช้ชีวิตด้วยความเครียด หรือฆ่าตัวตายเหมือนกับตัวอย่างที่เห็นได้ตามหนังสือพิมพ์ มีบุคคลมากมายที่มีหน้าที่การงานระดับผู้บริหารแต่ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ตัวเองได้จนลูกน้องต่างพากันกลัว คนกลุ่มนี้น่าสงสารมากเพราะพวกเขารู้ทุกอย่างแต่ไม่รู้จัก "ตนเอง" เพราะฉะนั้นพวกเราควรพัฒนาอัจฉริยภาพด้านการเข้าใจตนเองซึ่งสำคัญเป็นอันดับต้นๆของอัจฉริยภาพทั้งหมดเลยทีเดียว

บุคคลที่มีอัจฉริยภาพด้านการเข้าใจตนเอง จะเป็นคนที่รู้จักตัวตนของพวกเขาเองเป็นอย่างดี คนเหล่านั้นสามารถบอกได้ว่า เป้าหมายของชีวิตเขาคืออะไร อาชีพในฝันของเขาคืออะไร สามารถระบุได้ว่าจุดเด่นอะไรบ้างที่เขามีแต่คนอื่นไม่มี สามารถรับรู้ได้ว่าเขามีข้อบกพร่องอะไรบ้างที่ควรรีบปรับปรุง บุคคลเหล่านี้จะมีความมั่นใจในตัวเองสูง สามารถอยู่กับตัวเองตามลำพังได้อย่างมีความสุข สามารถรับรู้อารมณ์-ความรู้สึกของตัวเองได้ดีและใส่ใจในการดูแลตัวเองเป็นอย่างมาก หลายคนเข้าใจผิดว่าคนกลุ่มนี้ชอบเก็บตัวอยู่เงียบๆคนเดียว มีมนุษยสัมพันธ์ต่ำ แต่ในความเป็นจริงแล้ว คนกลุ่มนี้มีเพื่อนเยอะ มีความสัมพันธ์อันดีกับบุคคลอื่นๆ เนื่องจากคนที่มีอัจฉริยภาพด้านการเข้าใจตนเองจะเป็นคนที่มีวุฒิภาวะสูงและสามารถควบคุมตัวเองได้ดี

หลักการในการพัฒนาอัจฉริยภาพด้านการเข้าใจตนเอง ประกอบด้วย รู้เป้าหมายของชีวิตตนเอง, มีความรู้และความเข้าใจในตนเอง (ความสามารถต่างๆ ข้อดี ข้อเสีย นิสัย สิ่งที่ชอบ สิ่งที่ไม่ชอบ ฯลฯ) และสามารถพัฒนาตนเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ วิธีการพัฒนาอัจฉริยภาพ ด้านนี้ได้แก่
>>ทบทวนชีวิตในวันนี้ของเราว่า ทำอะไรไปบ้าง ส่งผลกระทบอย่างไร และในอนาคตจะปรับปรุงให้ดีขึ้นได้อย่างไร
>>วิเคราะห์และเขียนเป้าหมายของชีวิต จุดเด่น จุดด้อยของเราโดยอาจให้บุคคลอื่นมาช่วยดูด้วยก็ได้
>>วางแผนเส้นทางสู่เป้าหมายของชีวิตโดยแบ่งเป็นวิธีการระยะสั้น ระยะกลาง และระยะยาว
>>เขียนบันทึกเรื่องราวของตัวเองตั้งแต่ในอดีต โดยหยิบมาเฉพาะช่วงเวลาสำคัญที่ส่งผลกระทบให้เรามีชีวิตอย่างในทุกวันนี้ อาจเขียนเป็นแบบชีวประวัติก็ได้
>>ตั้งสติ ดูอารมณ์ของตนเองตลอดเวลา เพื่อให้สามารถเข้าใจตนเองได้ง่ายขึ้น
>>ลองทำแบบทดสอบวิเคราห์ ลักษณะ,นิสัย,บุคลิก ฯลฯ ซึ่งหาได้ในโลกออนไลน์ทั่วไป
>>ฝึกอยู่กับตัวเองดูบ้าง ลองอยู่บ้านคนเดียวเงียบๆซัก 15 นาทีโดยไม่มีเทคโนโลยีใดๆ ไม่ทำกิจกรรมอะไรทั้งสิ้น อยู่กับความคิดของตัวเอง จะทำให้สามารถเข้าใจตัวเองเพิ่มได้อย่างมากเลยทีเดียว


บุคคลที่มีชื่อเสียงในด้านการเข้าใจตนเอง ได้แก่ ขงจื๊อ(孔子) นักปรัชญาชื่อดังชาวจีน ผู้ให้กำเนิดลัทธิขงจื๊อ คำสอนของเขามีอิทธิพลต่อแนวคิดของชาวจีนเป็นอย่างมาก คำสอนของขงจื๊อเกี่ยวข้องกับหลักการปกครองอย่างมีศีลธรรมและสอนเกี่ยวกับการดำรงชีวิต เช่น "ตำหนิตนเองให้มาก ตำหนิผู้อื่นให้น้อย ก็จะไม่มีความโกรธแค้น"เพลโต(Plato) นักปรัชญาในยุคกรีก งานของเขาส่วนใหญ่จะเป็น บทสนทนา คำคมและจดหมาย หลักปรัชญาของเพลโตนับว่าเป็นรากฐานของความคิดของชาวยุโรปถึงกับมีคำพูดที่ว่า "แนวคิดหลักทางปรัชญาของยุโรป ล้วนแต่เป็นเชิงอรรถของเพลโต", และอัลเบิร์ต แบนดูรา(Albert Bandura) นักจิตวิทยาชาวอเมริกัน เป็นผู้ให้ความสำคัญเกี่ยวกับทฤษฎีการเรียนรู้ทางสังคม มีชื่อเสียงจากการเป็นผู้คิดค้นหลักการเกี่ยวกับการเรียนรู้จากการดูต้นแบบ

อาชีพที่เหมาะสมกับคนที่มีอัจฉริยภาพด้านการเข้าใจตนเอง ได้แก่ นักปรัชญา นักจิตวิทยา เป็นต้น

Special Thank แนวคิด: หนังสืออัจฉริยะสร้างได้ ของ หนูดี วนิษา เรซ

วันศุกร์ที่ 23 สิงหาคม พ.ศ. 2556

ทฤษฎีพหุปัญญา (Multiple Intelligences) : อัจฉริยภาพด้านตรรกะและคณิตศาสตร์ (Logical-Mathematical Intelligence)

อัจฉริยภาพด้านตรรกะและคณิตศาสตร์ (Logical-Mathematical  Intelligence) 

ทฤษฎีพหุปัญญา อัจฉริยภาพด้านตรรกะและคณิตศาสตร์ (Logical-Mathematical  Intelligence)
ทฤษฎีพหุปัญญา อัจฉริยภาพด้านตรรกะและคณิตศาสตร์ (Logical-Mathematical  Intelligence)

คณิตศาสตร์เป็นราชินีของวิทยาศาสตร์ เป็นพื้นฐานของทุกวิชา การมีอยู่ของคณิตศาสตร์ช่วยผลักดันโลกให้ก้าวหน้าได้อย่างมหาศาล อย่างไรก็ตามอัจฉริยภาพด้านนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับคณิตศาสตร์เพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงตรรกศาสตร์หรือการนำข้อมูลมาคิดวิเคราะห์หาเหตุผลต่างๆเพื่อตัดสินใจนั่นเอง อัจฉริยภาพด้านตรรกะและคณิตศาสตร์นับว่าจำเป็นสำหรับทุกคนเป็นอย่างมาก ถ้าประชาชนของสังคมใดไม่มีอัจฉริยภาพด้านนี้แล้วบ้านเมืองจะวุ่นวายเป็นอย่างมาก เนื่องจากแต่ละคนจะตัดสินใจตามความเชื่อผิดๆของเขา ต่างจากสังคมที่มีอัจฉริยภาพด้านนี้ ประชาชนจะนำข้อมูลที่ได้รับจากสื่อต่างๆเช่นโทรทัศน์ หนังสือพิมพ์ มาคิดวิเคราะห์จะได้เหตุผลต่างๆเพื่อประกอบการตัดสินใจ

บุคคลที่มีอัจฉริยภาพด้านตรรกะและคณิตศาสตร์ จะเป็นคนช่างสงสัย ชอบศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม มีการตัดสินใจตามเหตุผลมากกว่าตามใจตัวเอง มีทักษะการคิดวิเคราะห์ที่ดี ชอบสิ่งที่ยังไม่สามารถหาคำตอบได้แต่มีคำตอบตามหลักการที่มีเหตุผลอย่างแน่นอน ชอบการละเล่นที่ต้องใช้การวางแผนเช่นหมากรุก หมากล้อม มีความสามารถในการคิดคำนวณอย่างรวดเร็วและจำข้อมูลที่เป็นตัวเลขได้ สามารถคาดเดาโดยใช้เหตุผลได้อย่างแม่นยำ

หลักการในการพัฒนาอัจฉริยภาพด้านตรรกะและคณิตศาสตร์ คือ พัฒนาทักษะการทำงานด้านตัวเลขเช่น การบวก ลบ คูณ หาร การหาสถิติในแบบต่างๆ, พัฒนาทักษะการให้เหตุผลและการคิดวิเคราะห์โดยใช้เหตุผลประกอบ และการนำกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ไปใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ประกอบด้วย การสังเกต(Observation) การตั้งคำถาม(Question) การตั้งสมมุติฐาน(Prediction) ทำการทดลอง(Experiment) และสรุปผลการทดลอง(Conclusion) วิธีการพัฒนาอัจฉริยภาพ ด้านนี้ได้แก่
>> ฝึกการคิดคำนวณในชีวิตประจำวันโดยไม่ใช้เครื่องคิดเลข จะทำให้เราคิดคำนวณได้อย่างรวดเร็วและถูกต้องมากขึ้น
>> เล่นเกมที่ต้องใช้การวางแผนและการตัดสินใจอย่างมีเหตุผลเช่น หมากรุก หมากฮอส หมากหนีบ หมากล้อม 
>> อ่านข่าวทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี งานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ บทวิเคราะห์เกี่ยวกับสิ่งประดิษฐ์ใหม่ๆ จะช่วยเปิดมุมมองและแรงบันดาลใจใหม่ๆให้เรา
>> อ่านข่าวจากหลายๆสื่อ นำมาคิดวิเคราะห์หาข้อเท็จจริงจากข้อมูลนั้นๆ โดยไม่เข้าข้างตัวเอง
>> วางแผนการทำงานต่างๆให้มีระบบ เช่นงานสัมมนาว่าต้องทำอะไรบ้าง เตรียมอุปกรณ์อะไรไว้
>> คิดตามดูว่าการตัดสินใจของบุคคลที่ประสบความสำเร็จ มาจากเหตุผลอะไรและเขามีหลักการคิดอย่างไร

บุคคลที่มีชื่อเสียงในด้านตรรกะและคณิตศาสตร์ ได้แก่ โยฮันน์ คาร์ล ฟรีดริช เกาส์ (Johann Carl Friedrich Gauß) นักคณิตศาสตร์ชาวเยอรมัน เป็นหนึ่งในสี่ตำนานนักคณิตศาสตร์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก ได้รับฉายา Prince of Mathematics เกาส์เป็นผู้คิดทฤษฎีทางคณิตศาสตร์หลายๆทฤษฎีเช่น ทฤษฎีบทหลักมูลเลขคณิต, อัลเบิร์ต ไอน์สไตน์ (Albert Einstein) นักวิทยาศาสตร์ชื่อดัง ผู้ที่ได้รับการยกย่องว่ามีความอัจฉริยะมากที่สุดในโลก เป็นผู้ค้นพบทฤษฎีสัมพันธภาพซึ่งผลักดันให้วงการวิทยาศาสตร์ก้าวหน้าเห็นอย่างมาก และ เซอร์ไอแซก นิวตัน (Sir Isaac Newton) นักคณิตศาสตร์และนักวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ มีผลงานที่สำคัญคือกฎการเคลื่อนที่ของนิวตัน การค้นพบแรงโน้มถ่วงของโลก และแคลคูลัสซึ่งเป็นคณิตศาสตร์ขั้นสูงอีกด้วย

อาชีพที่เหมาะสมกับคนที่มีอัจฉริยภาพด้านตรรกะและคณิตศาสตร์ ได้แก่ นักวิจัย นักวิทยาศาตร์ นักคณิตศาสตร์ แพทย์ วิศวกร นักวิชาการ ฯลฯ

Special Thank แนวคิด: หนังสืออัจฉริยะสร้างได้ ของ หนูดี วนิษา เรซ